สิ่งก่อสร้างของวัดบางโฉลงใน

 
 ๑.  กุฎีสงฆ์
จำนวน ๑๑ หลัง เนื่องจากวัดบางโฉลงใน มีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาแต่ละพรรษา ประมาณ ๖๐ รูปขึ้นไป ทำให้ต้องสร้างกุฎีเพิ่มขึ้น มีทั้งหมดจำนวน ๑๑ หลัง สิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ประมาณ ๓๗,๕๗๘,๖๘๖ บาท (สามสิบเจ็ดล้านห้าแสนเจ็ดหมื่นแปดพันหกร้อยแปดสิบหกบาท)
                               
      ๑.๑ กุฎีทรงไทยจตุรมุข ลักษณะโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ ชั้น  กว้าง ๑๓.๓๐ เมตร ยาว ๑๓.๓๐ เมตร หลังคามุงกระเบื้องเกล็ดปลา ฝาผนังด้านนอกเป็นหินล้างทั้ง ๒ ชั้น ประตู และหน้าต่างทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง พื้นชั้นบนปูด้วยไม้แดงรางลิ้น พื้นชั้นล่างและบันไดปูด้วยไม้สักทอง ระเบียงด้านหน้ากุฎีปูด้วยหินอ่อน จำนวน ๑ หลัง

                            
 
   ๑.๒ กุฎีเรือนไทยแฝด โครงสร้างชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนเป็นเรือนไทยไม้ ๒ หลังคู่ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ดปลา พื้นชั้นบนปูด้วยแดงและไม้ตะแบกรางลิ้น บันไดทำด้วยไม้สัก พื้นชั้นล่างปูด้วยปาร์เก้ และหินแกรนิต กว้าง ๙ เมตร ยาว ๑๔ เมตร  จำนวน ๓ หลัง

                                         


 












    




                  ๑.๓ กุฎีทรงไทยตรีมุข ชื่อ อาคารมงคลวุฒาจารย์ โครงสร้างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ๓ ชั้น     กว้าง ๑๑.๙๐ เมตร ยาว ๔๖.๕๐ เมตร  ชั้นละ ๑๒ ห้อง  ทั้งหมด ๓ ชั้น  รวมเป็น ๓๖ ห้อง มุขหน้าอีก ๘ ห้อง รวมทั้งเป็น ๔๔ ห้อง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ดปลา ผนังด้านนอกเป็นหินล้าง ประดับด้วยคันทวย บัวหัวเสาทุกชั้น พื้นภายในชั้น ๒ และชั้น ๓  ปูด้วยไม้แดงรางลิ้น พื้นชั้นล่างปูด้วยหินอ่อน ระเบียง     และบันไดชั้น ๒ และ ๓ ชั้น ปูด้วยหินอ่อน ระเบียงชั้นล่างและบันไดปูด้วยหินแกรนิต ประตูและหน้า    ต่างทั้งหมดทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มีห้องสุขาทั้งหมดภายในตัวอาคาร ๑๖ ห้อง  จำนวน ๑ หลัง
                      
   ๑.๔  กุฎีครึ่งไม้ครึ่งตึก ลักษณะเป็นอาคารทรงไทย ๒ ชั้น  ชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนสร้างด้วยไม้สักทอง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ดปลา พื้นชั้นบนปูด้วยไม้แดงรางลิ้น พื้นชั้นล่างเป็นหินขัด กว้าง ๙ เมตร  ยาว    เมตร จำนวน ๑ หลัง                           
  ๑.๕ กุฎีเรือนไทย ลักษณะเป็นทรงไทยชั้นเดียวใต้ถุนโล่ง สร้างด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้องเกล็ดปลา กว้าง ๕.๗๐ เมตร ยาว ๗.๗๐ เมตร จำนวน ๒ หลัง

                                  



 









  

             



              ๑.๖ เรือนไทยหมู่ ๒ ชั้น
ชั้นบน ลักษณะทรงไทยหมู่ ๗ หลัง โครงสร้างไม้ทุกหลัง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ดปลาทุกหลัง เป็นกุฎีที่อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณร จำนวน ๓ หลัง เป็นเรือนสำหรับรับรอง ๒ หลัง ห้องสุขา ๑ หลัง ห้องครัว ๑ หลัง ตั้งอยู่บนฐานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด กว้าง ๒๒ เมตร   ยาว ๒๕ เมตร  พื้นบริเวณกุฎีโดยรอบปูด้วยกระเบื้องสลับหินล้าง บันไดทั้ง ๒ ด้านเป็นหินขัด
ชั้นล่าง             เป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมอบรมเยาวชนทุกระดับชั้นและประชาชนทั่วไป  ภายในตัวอาคารปูพรม ติดแอร์คอนดิชั่น  จัดเป็น ๒ ห้อง ห้องที่ ๑ เป็นห้องสำหรับกิจกรรมการบรรยาย พร้อมติดตั้งอุปกรณ์สำหรับเป็นสื่อในการบรรยายครบทุกชนิด เช่น เครื่องโปรเจคเตอร์ พร้อมจอขนาดใหญ่ เครื่องคอมพิวเตอร์ และห้องควบคุมเสียงที่ได้มาตรฐาน  ห้องที่ ๒ เป็นห้องสำหรับเจริญภาวนาสวดมนต์ไหว้พระของผู้เข้ารับการอบรม



     ๒.  ศาลาการเปรียญ
ลักษณะเป็นอาคารทรงไทยไม้สักชั้นเดียว ใต้ถุนโล่ง กว้าง ๑๗.๓๐ เมตร ยาว ๓๘.๓๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓  หลังคามุงกระเบื้องเกล็ดปลา ฝาทำด้วยไม้สักทองทั้งหลัง พื้นปูด้วยไม้แดง และเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘ ได้ทำการบูรณะโดยทำการยกศาลาให้สูงขึ้น  เปลี่ยนกระเบื้องหลังคาใหม่ ทำการขัดพื้นใหม่ทั้งหลัง ใต้ถุนศาลาเป็นหินขัดทั้งหมด ภายในศาลาที่คอสอง เขียนภาพจิตรกรรมเรื่องมหาชาติ เสาภายในศาลาปิดทองลายฉลุทั้งหมด ฝ้าเพดานปิดทองลายฉลุ ประดับด้วยดาว สิ้นค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ ประมาณ ๑๑,๘๗๖,๑๐๒ บาท (สิบเอ็ดล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นหกพันหนึ่งร้อยสองบาท) ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างครั้งแรก
ประโยชน์ใช้สอย
ชั้นบน - ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ใช้บำเพ็ญกุศลประวันธรรมสวนะ  จัดกิจกรรมต่างในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันสำคัญของชาติ เป็นต้น เช่น
 - ใช้เป็นที่สำหรับจัดอบรมพระภิกษุสามเณร นักเรียน ลูกเสือชาวบ้าน ชมรมผู้สูงอายุ และประชาชนทั่วไป
                              ชั้นล่าง  -ใช้เป็นที่พักของพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญในวันสำคัญต่างๆ
      - ใช้เป็นสถานที่จัดเลี้ยงอาหารแก่ประชาชนที่มาร่วมกิจกรรมต่างๆของวัด
                  -  ใช้เป็นสถานที่เดินจงกรม ของสถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา ๖ วัดบาง-
โฉลงใน
              ๓.ศาลาธรรมสังเวช  (ศาลาบำเพ็ญกุศล)
ศาลาบำเพ็ญกุศล  จำนวน ๓ หลัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ๒ หลัง  อาคารไม้     ๑ หลัง  เป็นอาคารชั้นเดียวทั้งหมด มีความกว้างและความยาวต่างกัน สิ้นค่าก่อสร้างทั้ง ๓ หลัง ประมาณ ๑๐,๒๔๗,๙๙๙ บาท ( สิบล้านสองแสนสี่หมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท )
            ศาลาบำเพ็ญกุศลทั้ง ๓ หลังนี้  เป็นศาลาอเนกประสงค์ ใช้สำหรับตั้งบำเพ็ญกุศลศพ  ตลอดถึงหน่วยราชการต่าง ๆ และชุมชนยังใช้เป็นที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ ศาลาทั้ง ๓ หลัง ดังนี้
                                                    
 
                   ๓.๑  ศาลาพระมงคลวุฒาจารย์  มีความกว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๘.๙๐ เมตร  ลักษณะอาคารสร้างด้วยไม้เนื้อแข้งทั้งหลัง  หลังคามุงกระเบื้องซีแพคโมเนีย  พื้นและฝาผนังปูด้วยไม้แดงรางลิ้น ด้านหน้าทำกันสาดต่อจากศาลา กว้าง ๖.๕๐ เมตร ยาว ๑๘.๕๐ เมตร โครงสร้างเป็นไม้เนื้อแข็ง หลังคามุงด้วยกระเบื้องซีแพคโมเนีย พื้นเทคอนกรีตปูทับด้วยกระเบื้อง สิ้นค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ ๓,๓๐๐,๐๐๐ บาท (สามล้านสามแสนบาท)

                                            
                  ๓.๒ ศาลาเรืองวนิช  มีความกว้าง ๑๑ เมตร  ยาว  ๓๕.๕๐ เมตร  ลักษณะอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก  หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ  พื้นภายในเป็นหินขัดทั้งหลัง สิ้นค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ ๒,๙๔๗,๙๙๙ บาท    (สองล้านเก้าแสนสี่หมื่นเจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบาท)
                                            
                   ๓.๓  ศาลามีสุข  มีความกว้าง  ๑๔.๓๐  เมตร  ยาว ๑๔.๘๐ เมตร  ลักษณะอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก  หลังคามุงกระเบื้องเกล็ดปลา  พื้นภายในและระเบียงด้านหน้าปูด้วยหินแกรนิต  สิ้นค่าก่อสร้างทั้งสิ้นประมาณ ๔,๐๐๐,๐๐๐ บาท (สี่ล้านบาท)


                
          สร้างเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน แต่จากคำบอกเล่าว่า มีคู่กับวิหาร (โบสถ์หลังเก่า) ลักษณะทรงระฆังคว่ำตามรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนปลาย ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง กว้าง ๗ เมตร สูง ๙ เมตร ก่อด้วยอิฐดินเผาฉาบปูน ปัจจุบันเป็นโบราณสถานที่สำคัญของวัดบางโฉลงในและพุทธศาสนา ควรค่าแก่การอนุรักษ์ เพื่อให้อนุชนรุ่นหลัง ได้ศึกษาค้นคว้าสืบไป
         พ.ศ.๒๔๘๐ พระเจดีย์ถูกขโมยขุดเจาะฐานและที่องค์พระเจดีย์ นำเอาวัตถุโบราณที่ศักดิ์สิทธิ์และมีค่าไป หลังจากนั้นไม่ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ ทำให้พระเจดีย์ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
         พ.ศ.๒๕๕๐ พุทธศาสนิกชน โดยการนำของนายชูชาติ นางนภาพร พูลเจริญ ดำริและปรึกษากับเจ้าอาวาสวัดบางโฉลงใน (พระครูโสภณกิจจานุกูล) เพื่อขออนุญาตบูรณปฏิสังขรณ์ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ เกรงว่าจะพังทลายลงมา เจ้าอาวาสจึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องประชุมกันเพื่อปรึกษาหารือ ที่ประชุมตกลงมีความเห็นร่วมกันว่า ให้สร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้ โดยให้มีการบูรณะพระเจดีย์องค์เดิมให้คงสภาพเดิม เป็นการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมเก่าไว้ พระเจดีย์องค์ใหม่ที่สร้างครอบให้เป็นสถาปัตยกรรมเหมือนเดิมทุกประการ โครงสร้างภายในเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ภายนอกใช้หินอ่อนประกอบทั้งองค์ ฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง กว้าง ๑๒.๘ เมตร สูง ๑๔.๓๙ เมตร ออกแบบโดยสถาปนิก นายภัทร คชภูติ
        วันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๐ (วันวิสาขบูชา) เวลา ๐๙.๐๙ น. วางศิลาฤกษ์ตอกเสาเข็ม
        วันที่ ๑๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๑ (วันวิสาขบูชา) เวลา ๐๙.๐๙ น. บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ วัตถุมงคล และของมีค่าต่าง ๆ ภายในพระเจดีย์องค์ใหม่
        วันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ (วันวิสาขบูชา) เวลา ๐๙.๐๙ น. ทำพิธียกฉัตรทองคำ ๙ ชั้น บนยอดองค์พระเจดีย์ และทำพิธีฉลอง
        งบประมาณบูรณะพระเจดีย์องค์เดิม และก่อสร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ จำนวน ๗,๔๐๐,๐๐๐ บาท (เจ็ดล้านสี่แสนบาท) โดยมีผู้ร่วมบริจาค ดังนี้
           ๑. นายชูชาติ นางนภาพร พูลเจริญ                       บริจาค   ๔,๙๐๐,๐๐๐ บาท
           ๒. นายพริ้ง บัวน้ำจืด                                             บริจาค    ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
           ๓. พุทธศาสนิกชนชาวตำบลบางโฉลงและใกล้เคียง คณะสถาปนิกผู้ออกแบบ คณะครูสมาธิ สถาบันพลังจิตตานุภาพ สาขา ๖ วัดบางโฉลงใน           บริจาค    ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น